วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ดาวรุ่งที่ว่ากันว่าจะเป็น ตอร์เรส 2

นักเตะคนนี้ สื่อจาก ลิเวอร์พูลของเรา ยกให้ ใก้เคียง กับ ตอร์เรส เชียวน้า..... ยังไงลอง อ่านดูละกัน ว่า จริงอย่างที่เขาว่าไว้ไหม
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ..กับสิ่งที่คริสเตียน เนเมธได้แสดงให้พวกเราเห็นนับตั้งแต่เขาย้ายมาจาก MTK Hungaria เมื่อหน้าร้อนที่แล้ว การครองบอลที่ลื่นไหล การจบสกอร์อย่างเหนือชั้น และความชาญฉลาดในการเล่น ทำให้ค่าตัวของเจ้าหนูคนนี้ที่ 750,000 ปอนด์ดูจะเป็นอะไรที่คุ้มค่าสุดๆ เราจะมาจับตาดูฤดูกาลแรกที่น่าประทับของคริสเตียนกับลิเวอร์พูลกัน คริสเตียน เนเมธเซ็นต์สัญญาเป็นนักเตะหงส์แดงพร้อมกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง Andras Simon ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วด้วยระยะเวลา 3 ปี ในวันที่เซ็นต์สัญญากันนั้น ราฟาให้ความเห็นไว้ว่า “เราจับตามองนักเตะเหล่านี้มาเป็นเวลานานครับ มีสโมสรชั้นนำมากมายพยายามจะซื้อตัวพวกเขา ทั้ง Real Madrid Ajax หรือ PSV” Mooki3 กล่าวว่า “เกือบจะ 64 ปีแล้วนะครับ ตั้งแต่การลงสนามครั้งแรกของ Feranc Purczeld Biro หรือที่รู้จักกันในนาม Feranc Puskas นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลฮังการี่ ตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีนักเตะคนไหนสามารถหรือแม้แต่กล้าจะคาบรัศมีของเขา เขาคือสุดยอดนักเตะอย่างที่ไม่มีใครเทียบเทียม แต่มาถึงวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ตกใจและน่าตื่นเต้น.. ในที่สุดเราก็ได้ค้นพบนักเตะที่ควรค่าจะก้าวไปเทียบเท่าตำนานของรุ่นพี่ หนุ่มน้อยจากเมือง Gyor ที่เต็มไปด้วยมนต์สเน่ห์ เขาก็คือ คริสเตียน เนเมธ นั่นเอง เจ้าหนูคริสเตียนนั่นมีความคล้ายคลึงฮีโร่ต่างวัยของเขาค่อยข้างมาก ทั้งสองเริ่มต้นอาชีพนักเตะด้วยวัย

16 ปีเท่ากัน มีสถิติการยิงประตูที่น่าอัศจรรย์ คริสเตียนมีสถิติทำประตูได้ถึง 88.9% ของจำนวนเกมส์ที่เขาลงเล่นกับทีมสำรอง และในเกมส์ทีมชาติเขายังทำได้ดียิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ เขาทำได้ 17 ประตูในช่วงเวลาเพียง 12 นัดที่เขาส่งสนามทั้งในระดับ U19 และ U21 แต่อย่างไรก็ตาม คงเป็นสไตล์การเล่นล่ะมั้งที่ทั้งสองเหมือนกันได้อย่างน่าตกใจ เมื่อทั้งคู่ต่างเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในตำแหน่งหน้าต่ำและศูนย์หน้าตัวเป้า” คริสเตียนลงเล่นให้ MTK Hungaria ทั้งสิ้น 37 นัด ทำประตูได้ 14 ลูก เกมส์สุดท้ายของคริสเตีนกับ MTK มีขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมปี 2007 ในนัดที่เอาชนะ Ujpest ไปได้เหนาะๆ 2-0 ซึ่งเป็นเกมส์สุดท้ายของ Himgary league ด้วย โดยที่ MTK ปิดฤดูกาลด้วยอันดับที่สอง เป็นรองเพียง Debrecen เท่านั้น โดยในฤดูกาลนั้นเนเมธสามารถทำประตูได้มากถึง 12 ลูกด้วยวัยเพียงน้อยนิด ในปี 2005/2006 เนเมธเล่นให้กับทีมชาติฮังการีชุดต่ำกว่า 17 ปีในรอบคัดเลือกไป UEFA European U17 Football รอบสุดท้ายในปี 2006 **Qualifying round – เนเมธยิงได้ 4 ลูกจากการลงสนาม 3 นัด **Elite round – เนเมธยิงได้ 5 ลูกจากการลงสนาม 3 นัดเช่นกัน คริสเตียนมีโอกาสได้โชว์ฝีเท้าให้กับทีมชาติในการแข่งขันรอบสุดท้ายของ UEFA European Under-17 Football Championship ที่ลักแซมเบิร์กด้วย และก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็ทำไปได้ถึง 7 ประตูใน 3 นัดในการทัวร์แข่งขันของทีมชาติฮังการีชุด U19 ที่ไซปรัส เนเมธกลับมาเริ่มต้นให้กับลิเวอร์พูลเกมส์แรกเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม หลังจากที่ต้องห่างสนามไปด้วยอาการบาดเจ็บ

เนเมธลงสนามให้หงส์แดงนัดแรกในทีมชุดต่ำกว่า 18 ปีด้วยผลการแข่งขันเสมอกับเวสบรอมไปอย่างไร้สกอร์ 0-0 หลังจากนั้นเขาก็ได้ลงสนามให้กับทีมลิเวอร์พูลสำรองอีก1 เดือนถัดไปในนัดพบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนเมธเริ่มเกมส์แรกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกกับแมน ซิตี้ และเกือบจะทำแฮตทริกได้ด้วยซ้ำ หากลูกยิงไม่ชนเสากระเด้งออกมาเสียก่อน หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เนเมธได้สานต่อความยอดเยี่ยมจากนัดที่แล้วด้วยการเล่นที่เหนือชั้นอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นเกมส์ดาร์บี้แมตช์กับเอฟเวอร์ตัน เนเมธทำผลอย่างอย่างเลิศหรูทำได้ 4 ประตูจากสองนัดแรกที่ลงสนาม หลังเกมส์กับเอฟเวอร์ตัน แกรี่ แอบเล็ตได้ให้สัมภาษณ์กับ LFC.TV ไว้ว่า “ตอนนี้คริสเตียนกำลังฟอร์มเข้าฝักมากครับ ยิงประตูได้ดีจริงๆ ประตูแรกของเขาแสดงให้เห็นเลยว่าเขาเป็นนักเตะที่มีทักษะแน่นมากๆ ซึ่งเขาก็ทำให้เราเห็นอยู่เสมอในการซ้อมนะครับ” เกมส์ต่อมาที่หงส์แดงต้องพบกับมิดเดิลสโบรส์ เนเมธก็เก็บประตูที่ 5 ใน 3 นัดของตัวเองได้เป็นผลสำเร็จด้วยลูกยิงไกลอันทรงพลังจากระยะ 25 หลา Kid Viravax กล่าวไว้ว่า “คริสเตียนเล่นได้โตเกินวัยจริงๆครับ ได้เลื่อนขั้นจากทีมชาติชุด U19 ไปเป็น U21 แถมยิงประตูได้มากมาย 7 ประตูจาก 6 นัดเลยนะนั่น เนเมธเป็นคนที่เล่นลูกวอลเล่ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดนึงอย่างที่ผมไม่ได้เห็นมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคแจน โมลบี้โน้นครับ เหมือนเขารับรู้ได้เองว่าลูกที่กำลังมาอยู่ระดับไหนและมีความเร็วเท่าไหร่ ลูกที่อกจากเท้าเขาแทบไม่พลาดเป้าเลย ความสามารถแบบนี้ทำให้เขาเป็นปีกในอุดมคติที่เดียว เห็นได้บ่อยๆในทีมชาติ เขาเป็นนักเตะแบบนั้นจริงๆ “เกือบทุกคนยกเขาขึ้นมาเปลี่ยบเทียบกับฟาวเลอร์ และถ้าวัดกันที่สัญชาติยญาณในกรอบเขตโทษแล้วละก็

ผมว่าก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ เนเมธไม่เคยเสียบอลง่ายๆให้คู่ต่อสู้ เป็นคนที่เข้าหาและเก็บตกบอลในกรอบโทษได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเขาไม่ค่อยแค่นั้นน่ะครับ เขายังสามารถจ่ายลูก ปั้นเกมส์ให้เพื่อน และวิ่งทำทางได้อย่างสุดยอดหลายต่อหลายครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา “เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมเห็นว่าเป็นที่จับตามองของราฟาอย่างใกล้ชิด Simon เป็นนักเตะที่ดีไม่เทียบไม่ได้กับมาตรฐานของเนเมธ Gulacsi ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก ทำให้ผมคิดว่าเนเมธเนี่ยแหละที่น่าจะอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆของราฟาเลยทีเดียว เขาดึงนักเตะเหล่านั้นมาด้วย ผมว่าแค่ต้องการให้เนเมธสามารถตั้งตัวและปรับตัวได้เร็วขึ้น ผมว่าเขาคงได้อยู่ที่นี่ไปนานล่ะครับ ฤดูกาลหน้าจะเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเอง ตอนนี้เขาอายุ 19 แอปเลตตเคยพูดว่าเขามีความสามารถพอที่จะเป็นคิง เคนนี่คนใหม่ได้ ราฟาเองก็บอกเช่นกันว่าเนเมธเป็นนักเตะที่พิเศษคนนึง ผมว่าโอกาสของเขาคงจะมาถึงในอีกไม่นานนี่ครับ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนเมธช่วยให้หงส์สำรองขยับขึ้นเป็นจ่าฝูงโดยมีแต้มมากกว่าทีมอันดับสองถึง 5 แต้ม เมื่อลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะซันเดอร์แลนด์ไป 1-0 และแน่นอนเนเมธเป็นคนทำประตูโทนในนัดนี้ เขาวิ่งจี้หาบอลยาวที่เปิดมาจากผู้รักษาประตู Daivs Martin และเมื่อกองหลังซันเดอร์แลนเ Jean Yves M’Voto ลื่นล้ม เนเมธก็ค่อยๆยกบอลผ่านนายทวารฝั่งตรงข้ามเข้าประตูไปอย่างใจเย็น โดยประตูนี้ถือเป็นประตูที่หกในลีคของเจ้าตัว เนเมธยังคงเล่นได้น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง ยิงประตูชัยในนัดเจอโบลตันในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นเหล่านักเตะละอ่อนน้อยก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปอเมริกาเพื่อลงแข่งขันศึก Dallas Cup หงส์น้อยลสนามอย่างดุดันตลอดทุกนัด และเอาชนะทีม Tigres ของแม็กซิโกไปได้ 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ และเป็นเนเมธอีกแล้วที่ยิงได้ถึงสองประตูในนัดชิง ทำให้ชื่อของเขาแพร่ไปตามสื่อต่างๆ เรียกว่าดังข้ามคืนกันเลย มาถึงช่วงต้นเดือนเมษยา ทีมหงส์น้อยของเราคว้าแชมป็ Barclays Premier Reserve League North ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งที่ยังเหลือเกมส์ให้เล่นอีกถึงสองนัด เมื่อเอาชนะแบล็กเบิร์นไป 1-0 จากประตูสุดสวยของเนเมธในครึ่งแรก มันเป็นประตูที่ 8 ใน11นัดของเขา และทำให้เขาก้าวเป็นดาวซัลโวของลีคสำรองอีกด้วย Shervin เขียนไว้ว่า “เขาเป็นนักเตะคนนึงที่เล่นได้ดีขึ้นในทุกนัดที่ลงสนาม ผมยังจำได้..เกมส์แรก(และคิดว่าเกมส์เดียว)ที่เนเมธลงเล่นให้ทีมชุด U18 ที่บอลดูเหมือนจะไปไม่ถึงเขาเลยตลอดทั้งเกมส์ แต่มันทำให้เราเห็นคาแรกเตอร์ของเขาได้ชัดเจนว่าเขาสู้ไม่ถอย ดูได้เลย

ตอนนี้เขาเป็นดาวซัวโวสูงสุดของลีคสำรองไปแล้ว “โอเคเนเมธไม่ได้มีความเร็วระดับสุดยอดแบบโอเว่น หรือมีการจบสกอร์ระดับเทพแบบฟางเวอร์(อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้) แต่สิ่งนึงที่เขามี และมันก็คือเบื้องหลังของประตูมากมายที่เขาทำได้นั่นก็คือ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจไปได้ คล้ายที่ตอเรสเป็นนั่นแหละครับ เขาไม่ใช่คนที่จะมาคิดมากกับลูกที่พลาดง่ายๆ หรือถ้าคิดมันก็จะเป็นพลังให้กับเขาต่อไปเท่านั้น เมื่อคุณดูความสามารถของเนเมธที่เข้าหาบอลได้อย่างถูกที่ถูกเวลาเสมอนั่นแล้ว คุณคงจะเชื่อได้เลยทีเดียวว่าคุณเจอนักเตะที่พร้อมจะยิงประตูตลอดเวลาเข้าให้แล้ว “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าเอาจริงๆผมว่าจำนวนประตูที่เนเมธทำได้มันทำให้ผมเกือบจะมองข้ามคุณภาพด้านอืนเขามี ผมแทบไม่เคยเห็นนักเตะวัย 19 คนไหนที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีแบบคริสเตียนเลย ไม่ใช่แค่เขาสามารถจับทางการวิ่งของเพื่อนได้อย่างแม่นยำนะครับ แต่ยังสามารถคำนวณเวลาและทิศทางจ่ายบอลได้อย่างเหมาะเหม็งอีกด้วย ทั้งหมดนี่มันทำให้ผมเชื่อเหลือเกินว่าเนเมธคงไม่สามารถก้าวไปเล่นทีมชุดใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหา เขาเคยเผชิญหน้ากับนักเตะอย่าง Neville หรือ Pique มาแล้ว ผมว่าเขามั่นใจพอที่จะท้าสู้กับกองหลังที่มากประสบการณ์แล้วครับ” แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นของเนเมธไม่มีทางหลุดลอดสายตาของเบนิเตสไปได้ เชื่อกันว่าเบนิเตสคงจะเลื่อนขั้นเนเมธมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลหน้านี้ เบนิเตสได้กล่าวกับ LFC.TV ไว้ว่า “เนเมธเล่นบอลได้ดีครับ เขาเป็นผู้เล่นที่ฉลาด มีทักษะและความสามารถในการจบสกอร์ เรากำลังจับตามองเขาอย่างใกล้ชิด และคิดว่าเขาคงเป็นอนาคตดวงใหม่ของเรา โอเคมันไม่ง่ายถ้ามองจากศูนย์หน้าระดับเทพที่เรามีอยู่หรือสถานการณ์ที่เราเป็น แต่เรารู้ดีว่าเขาเป็นนักเตะที่ดีแค่ไหน เขาต้องทำงานหนักและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ และผมว่าเขาคงยังไปได้อีกไกลครับเพราะเขาเป็นคนที่รักการเรียนรู้” แกรี่ แอบเล็ตต์เคยพูดถึงเนเมธไว้เช่นกัน โดนเปรียบเทียบเขากับคิง เคนนี่ สุดยอดตำนานคนนึงของหงส์แดงเลยทีเดียว แต่ก็ยังยืนยันว่าเจ้าหนูคริสเตียนยังมีอะไรที่ต้องทำต้องเรียนรู้อีกมากก่อนจะควรคู่กับคำว่า “ราชา” หลังจากได้แชมป์ทีมสำรองฝั่งตอนเหนือ หงส์น้อยของเราต้องเล่นกับแอสตัน วิลล่า ในรอบชิงที่แอนฟิลด์ เพื่อตัดสินว่าใครคือทีมสำรองที่ดีที่สุดในเกาะอังกฤษ มันเป็นเกมส์แรกของเนเมธในแอนฟิลด์ และไม่ต้องสงสัย คริสเตียนทำประตูได้อีกครั้ง.. เขายิงประตูจากบริเวณเส้นกรอบโทษเสียบมุมอย่างสวยงามช่วยให้หงส์แดงขยับขึ้นนำอย่างรวดเร็ว มันเป็นฤดูกาลที่เยี่ยมยุทธของเนเมธ ที่ต้องคว้าทั้งแชมป์ Dallas Cup, Northern Division championship และ National Champion ได้ถึงสามเหรียญในปีเดียว

ขอบคุณข้อมูล จากคุณ maprang

ความพร้อมก่อนเปิดบ้านสอยแมนซิตี้

ก่อนอื่นต้องขออภัยกัน เมื่อวานนี้ Net มีปัญหาเลยไม่ได้มาพรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เลย หวังว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูลของเรา คงจะเซ็งๆ กันกับ ฟอร์มของ แมนยู ที่ ชนะทีมอย่าง แบ็คเบริร์น ไป 2-1 โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าแฟนหงษ์คงจะมีความรู้สึก ว่าลุ้นให้เสมอ เพื่อ แต้มจะได้ไม่ทิ้ง หงษ์แดงเราไป

มาก แต่ดีหน่อยที่แบ็คเบิร์น ช่วยยิง ประตูแมนยูให้ จะได้ไม่ต้องทำสถิติ การไม่เสียประตู เอาละไม่เป็นไรเมื่อเขา ชนะไปแล้ว 8 แต้ม แต่เรายังมีเกมส์ในมือ 1 เกมส์ ต้องบด แมนซิตี้ เสมอ ยังไม่พอในความรู้สึก ต้อง 3 แต้มเท่านั้น เชื่อได้เลยว่าวันนี้ ทั้งแฟนบอล แมนยู / เชลซี ลุ้นอยู่ฝั่ง แมนซิตี้ มาดูกันเลยดีกว่า กับความพร้อมของหงษ์แดงเรา

ลิเวอร์พูล (2) – แมนฯ ซิตี (9)เวลา : 22.00 น.


สนาม : แอนฟิลด์


ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์ (สแต็ฟฟอร์ดเชียร์)ลิเวอร์พูล


สตีเวน เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลของเรา ยังถูกอาการบาดเจ็บคุกคามกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง อย่างเต็มที่คงได้แค่เริ่มต้นบนม้านั่งสำรอง นอกจากนี้แดนกลาง “เรด แมชชีน”ของเรา ยังไม่มี ซาบี อลอนโซ ห้องเครื่องทีมชาติสเปน ซึ่งติดโทษอดช่วยต้อนรับสโมสรตราเรือใบ น้าราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือสแปนิช คงต้องส่ง ลูคัส เลวา, ฮาเบียร์ มาสเชราโน จับคู่มิดฟิลด์ตัวรับ โดยมี คาราเกอร์ จับ คู่ สเคอเทล เป็นปราการหลัง
คาดหมายผู้เล่นตัวจริง : โฆเซ เรนา, อัลวาโร อาร์เบลัว, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลลิโอ, ยอสซี เบนายูน, ลูคัส เลวา, ฮาเบียร์ มาสเชราโน, อัลเบิร์ต ริเอรา, เดิร์ค เคาท์, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
สถิติในลีก 5 นัดล่าสุด : ชนะ ปอร์ทสมัธ 3-2 (เยือน), ชนะ เชลซี 2-0 (เหย้า), เสมอ วีแกน 1-1 (เยือน), เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (เหย้า), เสมอ สโตค ซิตี 0-0 (เยือน)



แมนเชสเตอร์ ซิตี “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี สภาพทีมไม่มีปัญหา ในระบบ 4-3-3 เอลาโน บลูมแมร์ ดาวเตะทีมชาติบราซิล จะทวงโควตา 11 คนแรกกลับคืนหลังจากนั่งสำรองใน ยูฟ่า คัพ กลางสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบุกเสมอ เอฟซี โคเปนเฮเกน 2-2 แดนหน้าจัด ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เคร็ก เบลลามี, ร็อบสัน เดอ ซูซา โรบินโญ ลงล่าสังหาร
คาดหมายผู้เล่นตัวจริง : เชย์ กิฟเวน, เนดุม โอนูโอฮา, ไมคาห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์, เวย์น บริดจ์, เอลาโน บลูมแมร์, ปาโบล ซาบาเลตา, สตีเฟน ไอร์แลนด์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เคร็ก เบลลามี, ร็อบสัน เดอ ซูซา โรบินโญ
สถิติในลีก 5 นัดล่าสุด : แพ้ ปอร์ทสมัธ 0-2 (เยือน), ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0 (เหย้า), แพ้ สโตค ซิตี 0-1 (เยือน), ชนะ นิวคาสเซิล 2-1 (เหย้า), ชนะ วีแกน 1-0 (เหย้า)
สถิติตลอดกาลเจอกันทั้งหมด 156 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 79 เสมอ 37 แพ้ 40เจอกันในลีก 145 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 74 เสมอ 34 แพ้ 37ผลงานเจอกันในลีกฤดูกาล 2008-2009 : แมนฯ ซิตี แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3สถิติเจอกันในลีกที่ ลิเวอร์พูล รอบ 5 ฤดูกาลล่าสุด : ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 (ฤดูกาล 2007-2008), ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 (ฤดูกาล 2006-2007), ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 (ฤดูกาล 2005-2006), ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1 (ฤดูกาล 2004-2005), ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1 (ฤดูกาล 2003-2004)
ทรรศนะส่วนตัว : การไม่มีสตีวี่จี และ อลอนโซ่ ลิเวอร์พูลของเรา ต้อง ต้องหวังพึ่งบริการจาก ลูคัส เลวา, ฮาเบียร์ มาสเชราโน เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” เตรียมเผื่อใจเกี่ยวกับรูปเกมส์ ที่คาดว่าจะพับ สนามให้เราได้ชื่นใจ แต่คิดว่า นักเตะที่อยู่ในสนาม ยังมีดีพอที่จะจบ สกอร์ ได้ โดยเฉพาะ เอลนิลโย่ ยังอยู่ด้วย แม้ แมนซิตี้ จมีเกมส์ สวน กับที่ อันตรายก็ตาม โดยเฉพาะ โรบินโย่ / ไรท์ ฟิลิป แต่เชื่อว่า มาเชราโน่ คงเก็บปัญหา ได้ไม่ยาก และยังมี เจมี กับ สเคอเทล อีก ฟันธง ไปเลยว่า

ลิเวอร์พูล จะ ชนะ 2 - 1 อย่างแน่นอน เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ.

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เทียบฟอร์มเซนเตอร์แบค ทั้ง 4 เทพ

ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์
กองหลังเชิงสูงจาก โคนม ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา การวางบอลยาวที่ไม่แพ้เจอร์ราด เข้าสกัดหนักหน่วง แม่นยำ เติมเกมส์รุกด้วยการ
โหม่ง และยิงไกล ด้วยเท้าซ้ายที่ทรงพลัง และทำประตูสวยๆ ให้เราได้ฮือฮา หลายประตู แต่ก็ไม่ได้เป็นที่
ชื่นชอบ ของราฟา เท่าใดนัก จนมีข่าวการย้ายทีมจาก มาดริด มิลาน 2 ยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจอยู่
ส่วนตัวผมให้ 8.5 /10

ซามี่ ฮูเปีย
ภูผาหินจากฟินด์แลน ด้วยประสบการณ์ที่มากเหลือเกิน ผสมความนิ่ง ได้ประตูจากการโหม่งหลายประตู
ทางบอลเยี่ยม แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา สปีดต้นหายไปเยอะด้วยอายุที่มากขึ้น แต่ปีนี้ฟอร์มการเล่นดีเหลือเกิน
บ่อยครั้งที่ได้ ลงเล่นตัวจริงมากขึ้น แม้จะมีงอนๆบ้างกับการไม่มีชื่อใน เกมส์ยุโรป และนิวคาสเซิ่ล ก็สนใจ
ไปอุดรอยรั่ว ของทีมด้วย ผมให้ 8.0/10


มาติล สเคอเทล
ชื่อนี้แรกๆ คงจะมีคนงงๆ กับการย้ายทีมจากเซนิต และคิดว่าคงจะเป็นการลงทุนที่เหลวเหมือนเดิม แต่แล้วหลังจากที่ ได้ลงสัมผัสเกมส์ ก็รู้เลยว่า ราฟา ตาถึงเข้าแล้ว เมื่อนักเตะชาวสโลวัก แสดงให้เห็นถึง กองหลัง ระดับโลก และมีทุกอย่างที่กองหลังควรจะมี ทั้ง เซ้นส์บอล การประทะ โหม่ง ประกบ เสียบสกัดที่แม่นยำ ถ้า แมนยูมี วีดิช แบบขาดไม่ได้ ลิเวอร์พูลก็ต้อง สเคอเทล ครับ แต่เสียดายที่พักหลายเดือน จากการบาดเจ็บ
ผมให้ 9/10



มาถึง เจมี่ คาราเกอร์
เป็น 1 ในนักเตะที่ลงเล่นเกือบทุกนัด และราฟาก็ให้เครดิต มากเป็นพิเศษ ในการลงเล่นตัวจริง หลังจากช่วงแรกขึ้นมาจาก ชุดเยาวชน เจมี่ เป็นตัวตลกของใครหลายๆคน แต่แล้วก็ใช้ความทุ่มเท ขยัน ไม่บ่น ให้เล่นตรงไหนก็เล่น จนมาได้ดี กับการเป็น เซนเตอร์แบ็ค และเด่นเมื่อ จับคู่กับ ฮูเปีย เมือ่3-4 ปีก่อน
ผมให้ 9.3/10

สรุป
ในปี 2008-2009 ถ้าอยู่ในช่วง ฟิตไม่บาดเจ็บ ผมเลือก สเคอเทล กับ เจมี่ และมี แอ๊กเกอร์ สแตนบาย
โดยวางปู่ ฮูเปีย เล่นบอลถ้วยมากหน่อย แต่ถ้ามองในอนาคต ผมเลือก สเคอเทล กับ แอ๊กเกอร์ โดยมี เจมี่สแตนบายครับ เพื่อนๆ มีความคิดเห็นยังไง เสนอแนะได้ครับ วันพรุ่งนี้มา วิเคราะห์ ก่อนเกมส์ ซดแมนซิตี้
และ พรีวิว เกมส์ พรีเมียร์ครับ.

อัพเดท ข่าว สตีวี่จี ฟิตทันซด ซิตี้

เซอร์ไพร์ สตีวี่จี มีลุ้นซด ซิตี้ อาทิตย์นี้ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกมาเปรย สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมไดนาโม อาจมีเซอร์ไพรส์รีเทิร์นลงเล่นในเกม พรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ที่จะเปิด แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี และหวังว่า สตีวี่ จะมีสกอร์ มาฝากให้เราได้ชื่นใจ พร้อม บวก 3 แต้ม กดดันแมนยูต่อไป


และมีข่าวอัพเดท การซื้อขายนักเตะของหงษ์มาฝากครับ

สื่อลิเวอร์พูลเผยว่าราฟาเตรียมทุ่ม22ล้านปอนด์"เดลี มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังของอังกฤษ เปิดเผยว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดคลังกว่า 22 ล้านปอนด์(ประมาณ 1,200 ล้านบาท) เพื่อขอซื้อ ออสการ์ ซิเอลบา กองกลางเทคนิคดีของ "ไอ้นกแก้ว" เอสปันญอล มาร่วมทัพหลังจบฤดูกาลนี้ สื่อชื่อดังเชื่อว่า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน ของ ลิเวอร์พูล ต้องการได้กองกลางที่สามารถลงสนามในตำแหน่งปีกขวารายนี้มาเสริมทัพ โดยทางด้าน "เอล บอส" เชื่อมั่นว่า มิดฟิลด์รายนี้จะช่วยทำให้เกมรุกของ "เรด แมชชีน" ดีขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ราฟาเอล เบนิเตซ อาจจะเริ่มต้นเจรจาดึงนักเตะรายนี้มาร่วมงานก่อนจบฤดูกาลนี้เพราะจะเป็นการป้องกันไม่ให้ เอสปันญอล โก่งราคาดาวเตะรายนี้นั่นเอง ดูจากราคา บอกเลยว่าค่อนข้างแพง
และผมยังไม่เห็น ฟอร์มเลยว่าแน่แค่ไหน ต้องรอดูข่าวการเคลื่อนไหวได้ ที่ blog ของเรานะครับ.


วันนี้มีประวัติ ของกัปตันจอมแกร่งมาฝากชาว เดอะ คอป ด้วยครับ
สตีเวน จอร์จ เจอร์ราร์ด (Steven George Gerrard) เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 เป็นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรับตำแหน่งรองกัปตันทีมชาติอังกฤษ ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม จากอดีตผู้จัดการทีม เชราร์ อุลลิเยร์ ในฤดูกาล 2003-2004 ใส่หมายเลข 8
เจอร์จาร์ดได้รับตำแหน่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกแห่งจักรวรรดิบริเตน โดยราชินีอังกฤษ ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2550 สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นผลผลิตของโรงเรียนฟุตบอลลิเวอร์พูล (Liverpool Youth Academy) โดยเข้าร่วมสเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยเริ่มแรกเลยเขาเล่นมิดฟิลด์ทางด้านขวา และมิดฟิลด์ตัวกลาง
ฤดูกาล 1998-1999 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลเป็นนัดแรก ในนัดที่พบกับทีมเซลต้า บีโก้ ในแอนฟิลด์ โดยสิ้นสุดฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้ทีม 12 นัดซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นตัวสำรอง
ฤดูกาล 1999-2000 เจอร์ราร์ดได้มีโอกาสเล่นชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลอย่างเต็มตัว โดยเขาลงเล่น 29 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งเขาเปลี่ยนมาเล่นบทมิดฟิลด์ตัวปะทะ ทำให้ได้รับใบเหลือง และใบแดงบ่อยครั้ง
เจอร์ราร์ดถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2000 แต่เขาก็ได้แต่นั่งดูเกมในม้านั่งสำรองเท่านั้น
ฤดูกาล 2000-2001 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นในเกมลีก 33 นัด ยิงได้ 7 ประตู และลงเล่นในเกมยูฟ่าคัพอีก 9 นัดทำได้ 2 ประตู พาทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ลีกคัพ, ยูฟ่าคัพ และเอฟเอคัพ
ฤดูกาล 2001-2002 เจอร์ราร์ดลงเล่นในเกมลีก 28 นัดยิงได้ 3 ประตู และในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกอีก 12 นัดกับอีก 1 ประตู เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี(Young Player of the Year award)
เจอร์ราร์ด ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่เขาเกิดมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถเดินทางร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้
ฤดูกาล 2002-2003 เจอร์ราร์ดลงเล่นในเกมลีก 34 นัด ยิงได้ 5 ประตู และลงเล่นเกมยุโรปอีก 11 นัด และพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพโดยเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคู่ปรับตลอดกาล
ฤดูกาล 2003-2004 เจอร์ราร์ด ลงเล่นในเกมลีก 34 นัด ยิงได้ 4 ประตู และลงเล่นในเกมยูฟ่าคัพ 8 นัด ยิงได้ 2 ประตู
เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส โดยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่ายกับโปรตุเกสเจ้าภาพ
และในฤดูกาลนี้เจอร์ราร์ดได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล แทนที่ซามี่ ฮูเปีย
ฤดูกาล2004-2005 เขาลงเล่นในเกมลีก 30 นัดทำได้ 7 ประตู และพาทีมลิเวอร์พูลเข้าชิงลีกคัพกับเชลซีแต่แพ้ไป3-2โดยเขาทำเข้าประตูตัวเองซึ่งเป็นประตูตีเสมอ1-1อีกด้วยแต่ก็สามารถพาทีมคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก โดยเอาชนะทีมเอซีมิลานจากการดวลจุดโทษ ซึ่งในครึ่งแรกทีมเอซีมิลานนำอยู่ถึง 3-0 แต่ลิเวอร์พูลกลับมาตีเสมอ 3-3
ฤดูกาล2005-2006 ประตูตีเสมอ Westham United (2-2) ในรอบชิงชนะเลิศ English FA CUP ส่งให้ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ในท้ายที่สุด ปรตูจากการยิงไกลระยะ 35 หลานี้เป็นหนึ่งในประตูยอดเยี่ยมของรอบชิงชนะเลิศตลอดกาล และทำให้สตีเฟน เจอร์ราร์ดเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย 4 รายการใหญ่ League Cup กับ แมนฯ ยู , ยูฟ่าคัพ กับ อลาเบส และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ เอซี มิลาน
ฤดูกาล2006-2007 แม้จะช่วยให้ลิเวอร์พูลสามารถผ่านเชลซีได้ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ และเข้าชิงกับเอซี มิลานอีกครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายไป 2-1 สำหรับถ้วยในประเทศก็มีเพียง แชร์ริตี้ชีลด์ กับเชลซีเท่านั้น

เกียรติประวัติ
กับสโมสรลิเวอร์พูลชนะเลิศ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2006-2007 เอฟเอคัพ 2005-06 ยูโรเปี้ยนซูเปอร์คัพ 2005-06 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2004-05 ลีกคัพ 2002-03 ยูโรเปี้ยนซูเปอร์คัพ 2001-02 แชริตี้ชิลด์ 2001-02 ยูฟ่าคัพ 2000-01 เอฟเอคัพ 2000-01 ลีกคัพ 2000-01
เกียรติประวัติส่วนตัว
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2006 ผู้เล่นทรงคุณค่าของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2004-05 นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2001
ยาวหน่อยแต่คงจะถูกใจแฟนหงษ์นะครับ
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย


วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ลูคัส เลว่า



ช่วงนี้แย่หน่อย สำหรับลูคัส ของเราโดนสื่อทั้งไทย และ เทศ รุมสับกัน เอางี้ดีกว่า วันนี้ ผมจะนำประวัติ ลูคัส มาเล่าให้ฟัง รับรองว่าไม่ธรรมดา

ลูคัส เลว่า กลางกลางกัปตันทีมชาติบราซิลชุด u-20 จากเกรมิโอ นักเตะที่ได้รับ การยกย่องให้เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด คนใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์เลว่า เริ่มเป็นเด็กปั้นของเกรมิโอ แม้อายุยังน้อย แต่ก็มีส่วนสำคัญกับทีม ชุดใหญ่ ของเกรมิโอมาตลอด ผลงานที่ทำให้ เลว่า เป็นที่ต้องตาต้องใจทีม ต่างๆ ในยุโรปก็คือในเกมระดับเยาวชนให้ทีมชาติบราซิล ในศึกชิงแชมป์แห่งทวีปอเมริกา ใต้รุ่นเล็กเมื่อต้นปี 2007 ซึ่งบราซิลเป็นแชมป์ เลว่าเองทำได้ 4 ประตู คว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองด้วยสไตล์การเล่นของ เลว่า เหมือนถอดแบบมาจาก เจอร์ราร์ด กัปตันไดนาโม ของลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเท การจ่ายบอล และ ที่สำคัญคือมักจะเติม ไปทำประตูได้ในเกมสำคัญๆ เสมอ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ราฟาเอล เบนิเตซ หวังจะ ปั้นให้ เลว่า เป็นตัวแทนของสตีวี่ จี ในอนาคต ในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา เลว่า เองก็ได้มีโอกาสประเดิมสนามกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ไปบ้างแล้ว เวลาเท่านั้น จะพิสูจน์ได้ว่า เขาจะเป็นตัวสอดแทรกที่อันตรายอย่างที่ เอล ราฟา หวังไว้รึเปล่าน่าเสียดายที่ใน u-20 ชิงแชมป์โลกที่เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เลว่า ไม่ติดทีม เนื่องจากประสบอาการบาดเจ็บ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมแซมบ้า ไม่ประสบความสำเร็จในทัวนาเม้นท์นี้ นักเตะดาวรุ่งชาวบนาซิล ลูคัส เลว่า จะเป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่พลิกโฉมทีมลิเวอร์พูลและ อาจสร้างความตื่นตาตื่นใจในพรีเมียร์ลีกได้มาก ตามการรายงานจาก ผู้เชี่ยวชาญด้าน ฟุตบอลในอเมริกาใต้ ทิม วิคเกอรี่ทั้งนี้วิคเกอรี่เชื่อว่า ลูคัส กัปตันทีมชาติบราซิลชุด U-21 มีความสามรถมากมายที่อาจทำให้ประสบความสำเร็จในฟุตบอลยุโรป "การย้ายสโมสรในลักษณะของลูคัสถือเป็นการพนันเพื่อความสำเร็จอย่างหนึ่ง แต่ผมว่าในกรณีของลูคัสถือเป็นสิ่งที่ดี" วิคเกอรี่กล่าว "ลูคัสได้เล่นมา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ฤดูกาลแรกเขาช่วยพาเกรมิโอ ต้นสังกัด ตีตั๋วขึ้นดิวิชั่น 1 และในฤดูกาลต่อมาเค้าก็ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำลีก" "ลูคัสเป็นผู้เล่นที่น่าตื่นตาไปกับความสามรถที่เค้ามีซึ่งไม่เหมือนกับมิดฟิลด์ชาติบราซิลคนอื่นๆ" "มิดฟิลด์ชาติบราซิลในยุคปัจจุบันจะเป็นมิดฟิลด์ในสไตล์ที่คอยประคองแดนกลางแล้วปล่อยให้วิงแบ็คคอยเติมเกมรุก แต่ลูคัสไม่ใช่มิดฟิลด์ในแบบนั้น เขาเป็นผู้เล่นรูปร่างสูงใหญ่ ผมบลอนด์ ซึ่งมีพลังกายมหาศาลพร้อมสำหรับเกมรุก" "เขาจ่ายบอลได้อย่างดีและชอบที่จะบุก เขาสามารถทำประตูได้ทั้งการยิงระยะไกลและการเข้าหาบอลแบบกองหน้า คุณจะพบว่าเขาจะประสานงานกับฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ได้อย่างดีเยี่ยม ผมแค่ยกตัวอย่างนะ"

ประวัติสโมสรลิเวอร์พูล



สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 มีนาคม1892 จากการแยกตัวออกไปของสโมสรเอฟเวอร์ตันเหตุจากความ
ขัดแย้งเรื่องค่าเช่าสนาม ทำให้สโมสรเอฟเวอร์ตันต้องย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ จอห์น โฮลดิ้ง เจ้าของ
สนาม จึงได้ร่วมมือกับ วิลเลียม อี บาร์เคลย์ และแฟนบอลกลุ่มหนึ่งออกมาตั้งทีมฟุตบอลใหม่กันเอง โดย
ได้ตั้งชื่อตามชื่อเมืองในปี 1894 และใช้สีแดงซึ่งเป็นสีประจำเมืองเป็นสีของเสื้อทีมเหย้า ในปี 1901 มีการ
เพิ่มสัญลักษณ์นกลิเวอร์เบิร์ดบนหน้าอกเสื้อทีม วิลเลียม อี บาร์เคลย์ คือผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร
จอห์น แม็คเคนน่า รับหน้าที่เป็นประธานสโมสรและเป็นบุคคลซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในระยะแรกๆของ
ทีม ลิเวอร์พูล ลงแข่งขันครั้งแรกใน แลงคาเชียร์ ลีก หรือลีกท้องถิ่น การแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดแรก
ของลิเวอร์พูลเป็นเกมในบ้านพบกับไฮเออร์ วอลตัน เมื่อวันที่ 3 กันยายน 1892 ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 8-
0 มันเป็นการเริ่มต้นที่สุดวิเศษและลิเวอร์พูลก็ผงาดคว้าแชมป์แลงคาเชียร์ ลีกไปครองอย่างง่ายดาย หลัง
จากที่สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งได้ไม่นาน
ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถ
สมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกซึ่งได้รับการยอมรับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล
1893-1894 สโมสรจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด ( Liverbird ) ซึ่งเป็นนกแถบทะเล
ไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางในฟุต
บอลลีก ดิวิชั่น 2 ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลส์โบรซ์ ไอโรโน
โปลิส และทีมลิเวอร์พูลสามารถได้แชมป์มาครองโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล ( ทั้งหมด 28 นัด )
แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสอง
ก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ ( ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ) และลงแข่งขัน
ที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1
ในที่สุดและนี่คือผลงานที่น่าเหลือเชื่อสำหรับทีมที่ก่อตั้งขึ้นมายังไม่ถึงหนึ่งปี ก่อนก้าวขึ้นสู่ดิวิชั่น2 และ ดิวิ
ชั่น1 ตามลำดับ ปี 1896 ถือเป็นปีแห่งการเริ่มต้นความสำเร็จ เมื่อ ทอมมี่ วัตสัน เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการ
คุมทีม สิ่งที่เขาทำให้กับสโมสรนี้มีค่ามากมายเหลือเกิน แซม เรย์โบลด์ กองหน้าจอมถล่มประตู และ ราอิส
เบ็ค กองหลังจอมแกร่ง คือคีย์แมนที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 สมัยแรกมา
ประดับสโมสรในปี 1901 โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่แปดปีหลังจากเข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลลีกสูงสุดของ
ประเทศ หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อีกสมัย ในปี 1906 และนับเป็นถ้วยรางวัล
สุดท้ายในยุคของ กุนซือ ทอมมี่ วัตสัน ปี 1920 เดวิด แอชเวิร์ธ คือผู้จัดการทีมรายที่สองที่เข้ามาคุมทีม
และเพียงแค่ปีเดียวภายใต้การนำของ แอชเวิร์ธ ทีมก็คว้าแชมป์ดิวิชั่น1 ได้ในปี 1921 ทีมในชุดนี้เน้นไปที่
แผงหลังอันแข็งแกร่ง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตูทีมชาติไอร์แลนด์ เอลิชา สก็อตต์ กองหลัง อีเพลม ลอง
วอร์ธ ,ทอม ลูคัส และ ดอน แม็คกินเลย์ สองฟูลแบ็ค แฮร์รี่ แชมเบอร์ ดาวซัลโวประจำทีมด้วยจำนวน 19
ประตู และคู่ขาในแดนหน้า ดิ๊ก ฟอร์ชอว์ ซึ่งยิงไป 17 ประตู เดวิด แอชเวิร์ธ วางมือจากการคุมทีมในปี 1922
ปี 1923 แม็ตต์ แม็คควีน อดีตนักเตะยุคเริ่มก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูลในปี 1892 โดยสมัยค้าแข้งเจ้าตัวลงเล่น
ให้สโมสรถึง 150 เกมเลยทีเดียว แม็คควีน เข้ามารับงานต่อจากกุนซือคนก่อน เดวิด แอชเวิร์ธ ในช่วงปลาย
ของฤดูกาล 1922-23 ซึ่งขณะนั้นทีมมีคะแนนนำเป็นจ่าฝูง แม็คควีน พาทีมจบฤดูกาลด้วยการป้องกันแชมป์
ไว้ได้อีกสมัย ทีมลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเรื่อยมา ไล่ตั้งแต่ปี 1928-36 จอร์จ เพ็ตเตอร์
สัน ,1936 จอร์จ เคย์ และก็เป็นกุนซือ เคย์ ที่พาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น1 ได้เป็นสมัย
ที่ 5 ของสโมสรในปี 1946 จอร์จ เคย์ เป็นผู้จัดการ ผมจัดมาเพื่อแฟนๆลิเวอร์พูลครับ หรือ เดอะคอป ทุก
ท่านที่มีประวัติของ ลิเวอร์พูลที่ ชาวเดอะคอปยังไม่รู้อีก สามารถ เพิ่มเติมได้ครับ.

เริ่มต้นทักทายกัน สำหรับชาวหงษ์แดง








ช่วงนี้หงษ์แดงของเรา ยังพอมีลุ้นแชมป์มากกว่าทุกปีที่เชียร์มา ช่วงที่ผมเปิด blog ใหม่อยู่นี้ หงษ์แดงของ


เรา ตามหลัง แมนยูอยู่ 5 แต้ม และมีคิวแข่งช้า กว่า 1 วัน เจอกับ แมนซิตี้ (เมืองเดียวกัน กับแมนยู) หวังว่า


ซิตี้ จะเป็นการเล่นแบบ ไล่โค๊ช มาคฮิวค์ ออกจากผู้จัดการทีม และเราช่วยแช่งให้ แมนยูแพ้


หรือ เสมอ แบ็คเบิร์น ........แหมจะว่าไปก็ลุ้น ยากนิด...นึง เอาเป็นว่า ชาวหงษ์แดง เรามีความคิดเห็นยังไง


ก็ โพส คุยกันได้นะครับ รับความคิดเห็นเพื่อนๆ ทุกทีมด้วยนะครับ.